นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน เป็นช่วงเวลาที่สมองได้ฟื้นฟูตัวเอง กำจัดของเสีย และจัดเก็บความทรงจำ หากนอนไม่พอ สมองจะมีของเสียสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะสารเบต้า-อะมีลอยด์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้หัวใจแข็งแรง แต่ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง เพิ่มออกซิเจนและสารอาหาร อีกทั้งยังช่วยลดระดับความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อสมองโดยตรง กิจกรรมง่าย ๆ อย่างเดินเร็ว โยคะ หรือว่ายน้ำเพียงวันละ 30 นาที ก็ช่วยได้มากแล้ว
บริโภคอาหารที่ดีต่อสมอง
อาหารมีผลอย่างมากต่อสมอง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี และวิตามิน B เช่น
- ปลาแซลมอน ปลาทะเลน้ำลึก (อุดมด้วยโอเมก้า-3)
- ผักใบเขียว ถั่ว เมล็ดพืช
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (ช่วยลดการอักเสบในสมอง)
- งดน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป และไขมันทรานส์
ฝึกใช้สมองอย่างต่อเนื่อง
สมองก็เหมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้งานยิ่งแข็งแรง การอ่านหนังสือ เล่นเกมฝึกสมอง หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น ภาษา หรือเครื่องดนตรี จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่ และเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบประสาท
สร้างความสัมพันธ์และอารมณ์ที่ดี
การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เช่น การพูดคุย พบปะ หรือทำกิจกรรมร่วมกัน ช่วยลดความโดดเดี่ยวและลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า ซึ่งสัมพันธ์กับโรคสมองเสื่อมในระยะยาว
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ความผิดปกติของระบบต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ล้วนมีผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง หากควบคุมไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมได้ ควรตรวจสุขภาพและควบคุมโรคประจำตัวอย่างต่อเนื่อง
การป้องกันโรคสมองเสื่อม เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยพฤติกรรมง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องรอให้เข้าสู่วัยสูงอายุ พื้นฐานที่ดีของสุขภาพสมองคือ การนอนหลับให้พอ กินอาหารที่ดี ออกกำลังกาย และกระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ
เพราะสมองที่แข็งแรง คือกุญแจสู่การมีชีวิตที่มีคุณภาพในทุกช่วงวัย