เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

การปรับสมดุลวิตามิน และแร่ธาตุ

การปรับสมดุลวิตามิน และแร่ธาตุ

วิตามินมี 2 ประเภทด้วยกัน วิตามินที่ละลายในน้ำ และ วิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินที่ละลายในน้ำ

วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 7 บี 9 บี 12 และวิตามินซี จะอยู่ในร่างกาย 2-4 ชั่วโมง ส่วนที่เหลือจากการใช้งานจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ โอกาสที่จะสะสมในร่างกาย จึงมีน้อยไม่ค่อยมีผลข้างเคียง

วิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินเอ ดี อี และเค จะละลายในไขมันหรือน้ำมันเท่านั้น เพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ไม่สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ หากได้รับมากเกิน จะสะสมไว้ในร่างกาย

  • วิตามินซี ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และทำให้แผลหายเร็วขึ้น อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ บร็อคโคลี่ มันฝรั่ง พริกหวาน ผักโขม มะละกอ มะม่วง สตรอเบอร์รี่ ฝรั่ง ส้ม 
  • วิตามินดี ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และป้องกันโรคที่เกี่ยวกับกระดูก โดยปกติร่างกายสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เมื่อได้รับแสงแดด สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับแสงแดด ร่างกายอาจสร้างวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ ควรรับประทานอาหารประเภทธัญพืช เห็ด และดื่มนมที่เสริมวิตามินดีเป็นประจำ 
  • วิตามินเอ ช่วยรักษาสายตาของผู้สูงวัยไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แหล่งของวิตามินเอในอาหาร ได้แก่ ผักโขม แครอท มันเทศ ฟักทอง มะละกอ มะม่วงสุก 
  • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย วิตามินอีพบมากในอะโวคาโด ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เนยถั่ว งา และน้ำมันสำหรับปรุงอาหารทุกชนิด

วิตามินแต่ละชนิดช่วยเสริมเรื่องใดบ้าง

  • วิตามินเอ เกี่ยวกับสายตาและการเจริญเติบโต
  • วิตามินบี เกี่ยวกับระบบประสาท การสร้างพลังงานและเม็ดเลือด
  • วิตามินซี เกี่ยวกับการสร้างคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • วิตามินดี เกี่ยวกับกระดูก
  • วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • วิตามินเค เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดและกระดูก ชะลอวัยได้

คนกลุ่มไหนมีโอกาสขาดวิตามิน

  • ส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ
  • คนที่งดรับประทานเนื้อสัตว์
  • คนที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะหรือลำไส้
  • คนที่กินยาบางอย่างที่ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินบางชนิดลดลง
  • คนที่ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
  • คนที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินอย่างรวดเร็ว เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเยอะ

คำแนะนำในการกินวิตามิน

หากต้องการกินวิตามิน แนะนำว่าให้ตรวจหาระดับวิตามินในร่างกายก่อน เราจะได้ทราบถึงระดับวิตามินในร่างกายว่าเรามีวิตามินชนิดไหนบ้างที่ต้องเพิ่ม หรือลด การกินวิตามินหรืออาหารเสริมเยอะๆ มีอันตรายกับร่างกายเหมือนกัน เพราะตกค้างสะสมในร่างกายได้ เลือกวิตามินกลุ่มที่ละลายน้ำจะปลอดภัยต่อร่างกายมากกว่า เพราะไม่มีการสะสมตกค้างในร่างกาย ได้แก่ วิตามินบี และวิตามินซี วิตามินบางอย่างแพทย์ไม่แนะนำให้กิน เช่น คนไข้มีปัญหาโรคไต เราไม่แนะนำให้ซื้อวิตามินเสริมที่เป็นวิตามินเอ เพราะจะทำให้เกิดภาวะวิตามินคั่งในตับ และเกิดผลเสียต่อร่างกายได้

เพื่อสุขภาพที่ดี เราไม่จำเป็นต้องการกินวิตามินเสริมในปริมาณที่สูง แต่เน้นรับประทานอาหารให้ครบชนิด ในปริมาณที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อลดการสะสมในร่างกายด้วย หรือถ้าหากอยากหาตัวช่วยเสริมที่ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินเพิ่ม สามารถเข้ามาปรึกษา V Precision Clinic เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน ที่มีความรู้ความชํานาญ เพื่อดูแลสุขภาพของคุณเฉพาะบุคคล เข้ามาปรึกษาที่ V Precision Clinic

เอกสารอ้างอิง

https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1053713

Relate Article

ดูแลกระดูกให้แข็งแรง

สุขภาพกระดูกเป็ …

ยิ่งเครียด … ยิ่งเสี่ยงโรค

การที่มีความเคร …

รู้ทันมะเร็งกะเพาะอาหาร

มะเร็งกะเพาะอาห …

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คืออะไร ?

โพรไบโอติกส์ (P …