เหนื่อยระหว่างกิน เสี่ยงเป็นโรค…

เหนื่อยระหว่างกิน เสี่ยงเป็นโรค…

รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา อย่ารีรอที่จะไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ เนื่องจากอาการเหนื่อยล้าเกินไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย ที่สามารถรักษาได้ถ้าตรวจพบแต่เนิ่นๆ กินข้าวแล้วเหนื่อย อาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย!

1. ภูมิแพ้จมูก (Allergic Rhinitis) จมูกตันหายใจลำบาก หายใจไม่ออก

ไม่ใช่เพียงแค่ภูมิแพ้จมูก แต่รวมถึงโรคอื่น ๆ ที่ทำให้จมูกบวม เช่น ไซนัสอักเสบ ริดสีดวงจมูก หรือภูมิแพ้ตามฤดูต่าง ๆ เป็นต้น จมูกบวมนั้นเปรียบเหมือนมีคนเอามือมาบีบจมูก ทำให้ไม่สามารถหายใจได้สะดวก หายใจติดขัด ทำให้ระหว่างกินข้าวอาจต้องใช้ปากในการหายใจแทนจมูก จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยหอบ ได้ง่ายหลังกินข้าวเสร็จ

2. แพ้อาหาร (Food allergy) หรือมีภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)

ภาวะแพ้อาหาร แพ้มาก ๆ มักเกิดแบบเฉียบพลัน เช่น เด็กแพ้ถั่ว กินไปสักพักจะรู้สึกเหนื่อย แน่นอก ส่วนคนที่แพ้อาหารหนัก อาจต้องรีบเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอย่างทันที หากคุณมีอาการแพ้อาหารประเภทไหน ควรหลีกเลี่ยงอาหารนั้น ๆ จะเป็นการรักษา และป้องกันได้ดีที่สุด อาหารที่คนไทยมักแพ้ ได้แก่ ไข่ นม ถั่วลิสง อาหารทะเล เป็นต้น

3. กรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease หรือ GERD)

อาการรู้สึกเหนื่อยหลังกินข้าวอิ่ม อาจมีสาเหตุมาจากโรคกรดไหลย้อน ทำให้รู้สึกจุกคอ แสบอก หายใจลำบากมากขึ้น หรือในผู้สูงอายุบางท่าน ลำไส้เลื่อน ทำให้กระเพาะมาอยู่ในช่วงอก เวลากินข้าวเสร็จก็จะมีอาการแน่นอก หายใจลำบากได้ทันที ภาวะกรดไหลย้อนยังเจอได้กับชาวออฟฟิศอีกด้วย หากผู้ป่วยกลุ่มนี้กินข้าวเสร็จแล้วอยากนอน แนะนำให้เอนหลังได้ 30 องศา ไม่ควรต่ำกว่านั้น

4. แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer)

หากใครมีอาการกินข้าวอิ่มแล้วรู้สึกใจสั่น จุกแน่นที่หน้าอก และหายใจไม่เต็มปวด รู้สึกเหนื่อย ๆ เรอบ่อย นอกจากจะเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ยังอาจพิจารณาได้ว่าเป็น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร ได้อีกด้วย

5. โรคถุงลมโป่งพอง (Pulmonary Emphysema)

ส่วนใหญ่อาการของโรคถุงลมโป่งพอง จะปรากฏเมื่ออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยจะเริ่มมีอาการไอ และมีเสมหะตอนเช้า โรคนี้แม้ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ กินข้าว หรือแม้แต่อยู่เฉย ๆ ก็ทำให้มีอาการเหนื่อยได้แล้ว และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีหายใจเสียงดังวี๊ด หรือรู้สึกเจ็บหน้าอกร่วมด้วย

6. หัวใจกำเริบ (Heart attack)

หากคุณมีอาการหัวใจเต้นเร็ว และแรง รู้สึกวูบ ๆ เหนื่อยหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ อาจเชื่อมโยงกับโรคหัวใจได้ แนะนำให้พบแพทย์ช่วยหาสาเหตุ อาจด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในเบื้องต้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันคือ การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนลงพุง

7. โรคแพนิก (Panic disorder)

โรคแพนิก มีส่วนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา แม้หลังกินข้าว หรือนั่งอยู่เฉย ๆ ก็ตาม ถ้าหากคุณอยู่ในช่วงเวลาของชีวิตที่เต็มไปด้วยความเครียด และกดดันอยู่ตลอดเวลา และเริ่มมีอาการมือเท้าสั่น ใจสั่น หายใจติดขัด แน่นหน้าอก รู้สึกโคลงเคลง หรือเป็นลม ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าใช่โรคแพนิกหรือไม่

แต่ละโรคนั้นจะมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนั้น ถ้าความเหนื่อยที่เป็นอยู่พักก็ไม่หาย เป็นเรื้อรังนาน ๆ อาจต้องลองตรวจสุขภาพกันหน่อยเพื่อที่จะได้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริง

 

นอกจากนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ หากพบอาการผิดปกติใด ๆ หรือกำลังป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หรือสามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ V Precision Clinic เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน ที่มีความรู้ความชํานาญ เพื่อดูแลสุขภาพของคุณเฉพาะบุคคล เข้ามาปรึกษาที่ V Precision Clinic

Relate Article

โรคตัวแข็งเกร็ง

โรคตัวแข็งเกร็ง …

วัณโรคที่มากับอากาศคืออะไร ?

โรคปอดอักเสบ เป …

โรคเครียด .. โรคฮิตของคนวัยทำงาน

ความเครียด เป็น …

โรคเบาหวานเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

โรคเบาหวานเกิดข …