เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

กินหวานไม่รู้ตัวเสี่ยงเป็นเบาหวาน

กินหวานไม่รู้ตัวเสี่ยงเป็นเบาหวาน

ในปัจจุบันการบริโภคน้ำตาลเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่เราหลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากน้ำตาลแฝงอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ตั้งแต่ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มชูกำลังไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปที่เราบริโภคในทุกๆ วัน แต่รู้หรือไม่ว่า การบริโภคน้ำตาลเกินปริมาณที่เหมาะสมอาจทำให้เรากลายเป็นคนที่ “กินหวานไม่รู้ตัว” และเป็นต้นเหตุของโรคร้ายอย่าง “เบาหวาน” ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวของเราได้อย่างมาก

น้ำตาลคืออะไร และมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร ?

น้ำตาลคือสารคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่มีรสหวาน ซึ่งสามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น ผลไม้ นม และผัก แต่ในหลายกรณี เราได้รับน้ำตาลจากแหล่งที่ไม่ธรรมชาติ เช่น น้ำตาลทราย น้ำเชื่อมข้าวโพด และน้ำตาลที่เติมในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เมื่อเราบริโภคน้ำตาล ร่างกายจะทำการแปลงน้ำตาลให้เป็นกลูโคส ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย แต่หากเราบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ร่างกายจะไม่สามารถใช้พลังงานจากกลูโคสได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อาจนำไปสู่การดื้อต่ออินซูลิน และในที่สุดก่อให้เกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้

พฤติกรรมที่เสี่ยงกินหวานไม่รู้ตัว

หลายคนอาจไม่คิดว่าตนเองกินหวานมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดมีน้ำตาลซ่อนอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว นี่คืออาหารและเครื่องดื่มบางชนิดที่ทำให้เราได้รับน้ำตาลมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว

  • น้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    เครื่องดื่มเหล่านี้เป็นแหล่งน้ำตาลที่สำคัญ โดยเฉพาะน้ำอัดลมที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งหากบริโภคเป็นประจำ อาจทำให้เราได้รับน้ำตาลมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
  • ขนมขบเคี้ยวและของหวาน
    ขนมปัง ขนมเค้ก และขนมกรอบต่างๆ มักมีน้ำตาลผสมอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนอาจชอบรับประทานขนมหลังมื้ออาหารโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังเพิ่มปริมาณน้ำตาลในร่างกาย
  • อาหารแปรรูป
    อาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น ซอสสำเร็จรูป น้ำสลัด หรือแม้กระทั่งโยเกิร์ตที่มีการปรุงรส ก็อาจมีน้ำตาลซ่อนอยู่เช่นกัน
  • กาแฟและชานมไข่มุก
    กาแฟใส่น้ำตาลหรือครีมเทียม รวมถึงชานมไข่มุกที่ฮิตในปัจจุบัน ล้วนมีน้ำตาลในปริมาณสูง ซึ่งหากบริโภคบ่อยๆ จะทำให้เรากินหวานเกินความจำเป็น

การเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานจากการกินหวานมากเกินไป

โรคเบาหวานคือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งโรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเกิดจากความบกพร่องของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน และเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดจากการดื้อต่ออินซูลินในร่างกาย โรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นพบได้มากขึ้นในคนที่มีพฤติกรรมกินหวานเป็นประจำ เพราะร่างกายจะต้องผลิตอินซูลินในปริมาณมากเพื่อจัดการกับน้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการดื้อต่ออินซูลิน การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ โรคไต และการสูญเสียการมองเห็นได้ หากไม่ควบคุมการบริโภคและดูแลสุขภาพ

การบริโภคน้ำตาลเกินความจำเป็นและการกินหวานโดยไม่รู้ตัวเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน การตระหนักถึงปริมาณน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การดูแลสุขภาพด้วยการลดน้ำตาลจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต