กินแป้งทำให้ปวดเมื่อย

กินแป้งทำให้ปวดเมื่อย

การกินแป้งหรืออาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป คือ สาเหตุหนึ่งของอาการปวดเมื่อย” เนื่องจากเมื่อเรากินอาหารประเภทแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยสลายสารอาหารกลุ่มนี้จนกลายเป็นน้ำตาลกลูโคส และดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นกลูโคสจะถูกลำเลียงไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงาน

เมื่อคาร์โบไฮเดรตทำให้เมื่อย

เมื่อร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตเข้าไป จะมีกระบวนการย่อยสลายให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด โดยมีฮอร์โมนอินซูลินคอยลำเลียงกลูโคสให้เข้าไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายเพื่อเป็นพลังงานในการประกอบกิจกรรมต่างๆ แต่หากร่างกายมีภาวะไม่สามารถนำกลูโคสไปใช้ได้ ร่างกายก็จะเก็บกลูโคสเหล่านั้นไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน กลูโคสส่วนที่เหลือจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นไขมัน เพื่อใช้เป็นพลังงานสำรองในระยะยาว

เนื่องจากแป้งที่มากเกินพอดี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแป้งขัดขาว เมื่อร่างกายได้บริโภคเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดปริมาณน้ำตาลสูงไม่คงที่ ภาวะนี้เรียกว่าปฏิกิริยา “ไกลเคชั่น” ซึ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า เป็นปฏิกิริยาที่น้ำตาลในเลือดเกาะตามเนื้อเยื่อซึ่งเป็นโปรตีนต่างๆ และทำปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะไกลเคชั่น

การรับประทานอาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตต้องจำกัดปริมาณการกินให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะคาร์โบไฮเดรตยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่ให้พลังงานหลักของร่างกาย ทั้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีได้ ควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่ขัดสี แทนการกินแป้งขัดขาว หรือขนมปัง เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เกิดจากการกินแป้งมากเกินไปได้

การเป็นข้ออักเสบ หรือ ปวดข้อ หมายความว่าคุณไม่สามารถรับประทานอาหารใดๆ ก็ตามที่คุณต้องการได้ ในทางกลับกัน คุณต้องรับประทานอาหารพิเศษ ซึ่งสามารถช่วยลดอาการอักเสบ ไปพร้อมกับให้สารอาหารที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ คุณควรมีความรู้เกี่ยวกับประเภทของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ต่อไปนี้เป็นรายการสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง

อาหารทอดและอาหารแปรรูป

งานวิจัยเกี่ยวกับอาหารและการป้องกันโรคเผยว่า หากผู้ป่วยรับประทานอาหารทอดและอาหารแปรรูปน้อยลง เช่น เนื้อสัตว์ทอดหรืออาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ผู้ป่วยจะมีอาการอักเสบน้อยลง นอกจากนี้กลไกการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกายจะได้รับการฟื้นฟูขึ้น 

ทางออก: ลดปริมาณอาหารทอดและอาหารแปรรูป ให้บริโภคผักและผลไม้มากขึ้น

AGE

สาร AGE (advanced glycation end product) เป็นสารพิษที่เกิดขึ้นเมื่ออุ่น ย่าง ทอด หรือฆ่าเชื้อในอาหาร ด้วยความร้อนสูงๆ สาร AGE จะทำให้โปรตีนบางประเภทในร่างกายถูกทำลายลง และในการทำลายสาร AGE ร่างกายจำเป็นต้องใช้ไซโตไคน์ (cytokines) ซึ่งเป็นสารช่วยลดการอักเสบ ดังนั้น บริเวณที่มีสาร AGE เกิดขึ้น มักมีอาการข้ออักเสบรวมทั้งอาการอักเสบประเภทอื่นๆ 

ทางออก: บริโภคอาหารที่ปรุงสุกด้วยอุณหภูมิสูงมากๆ ในปริมาณที่น้อยลง

น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี

ยิ่งคุณบริโภคน้ำตาลมากเท่าไร สาร AGE ในเลือดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สาร AGE ทำให้เกิดการอักเสบ ข้ออักเสบ หรืออาการปวดข้อต่อ 

ทางออก: ลดการบริโภคของหวาน อาหารแปรรูป อาหารอบจากแป้งขาว และน้ำอัดลม

ผลิตภัณฑ์จากนม

ผลิตภัณฑ์จากนมมีส่วนประกอบเป็นโปรตีน ที่อาจทำให้เกิดข้ออักเสบได้ องค์กร Physicians Committee for Responsible Medicine ซึ่งเป็นองค์กรแพทย์ทางเลือกในสหรัฐฯ ระบุว่า โปรตีนสามารถเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อโดยรอบข้อต่อได้ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้ที่เป็นข้ออักเสบบางคนเลือกที่จะรับประทานอาหารแบบวีแกน (Vegan) หรือมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์ ที่ไม่มีส่วนประกอบเป็นเนื้อสัตว์เจือปนเลย 

ทางออก: รับประทานโปรตีนจากแหล่งโปรตีนทางเลือก เช่น ผักและเมล็ดพืชต่างๆ ผักโขม เนยถั่ว เต้าหู้ ถั่วฝักต่างๆ ถั่วเลนทิล และควินัว ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเลือกที่ดี

แอลกอฮอล์ และบุหรี่

เราทุกคนทราบดีว่า แอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสาเหตุของภาวะทางสุขภาพ หลายประการ ซึ่งรวมถึงภาวะที่ส่งผลต่อข้อต่อด้วย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสมากที่จะเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) ในขณะที่ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเกาต์ 

ทางออก: เลิกสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ วางแผนและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และพักผ่อนให้เพียงพอ

เกลือ และวัตถุกันเสีย

ให้มั่นใจว่าคุณรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับอาหารของคุณ มีอาหารหลายประเภทที่เกลือและวัตถุกันเสียอื่นๆ ในปริมาณที่มากเกินไป การบริโภคเกลือในปริมาณมากเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นข้อต่ออักเสบ 

ทางออก: ให้อ่านฉลากอย่างระมัดระวังเมื่อซื้ออาหาร ดูให้แน่ใจว่าอาหารมีวัตถุกันเสีย และสารปรุงแต่งอาหาร ในปริมาณเล็กน้อย หรือไม่มีเลย อาหารสำเร็จรูปไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เนื่องจากอาจมีโซเดียมสูง

น้ำมันข้าวโพด

อาหารและอาหารว่างประเภทอบ อาจมีส่วนผสมเป็นน้ำมันข้าวโพดและน้ำมันประเภทอื่นๆ ที่มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า 6 ในปริมาณสูง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นอาการอักเสบทั้งสิ้น 

ทางออก: แทนที่จะปรนเปรอตัวเอง ด้วยการบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 6 ในปริมาณมากเกินไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อภาวะร่างกายของคุณ ให้บริโภคโอเมก้า 3 ซึ่งดีต่อสุขภาพและต้านการอักเสบได้ แหล่งโอเมก้า 3 ที่ดี ได้แก่ น้ำมันมะกอก ถั่ว เมล็ดแฟลกซ์ และเมล็ดฟักทอง การศึกษาเผยว่าโอเมก้า 3 สามารถลดอาการปวดข้อต่อในกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากได้

เคล็ดลับเพิ่มเติม

แผนการรับประทานอาหารไม่ตายตัวสำหรับผู้ป่วยทุกราย สิ่งที่ได้ผลสำหรับคนหนึ่ง อาจไม่ได้ผลสำหรับคนอื่น ให้ทดลองแล้วคุณจะค้นพบสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยข้ออักเสบทุกราย ควรรักษาน้ำหนักร่างกายในระดับที่สุขภาพดี และปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่สมดุล

ดังนั้น เราควรสำรวจร่างกายของตัวเราเองอย่างเป็นประจำ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ถ้าหากมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายบ่อยๆ ไม่ดีแน่ อาจจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ อาจต้องลองตรวจสุขภาพ เพื่อหาต้นเหตุของอาการและโรค หากมีความกังวล หรือสงสัยในปัญหาสุขภาพสามามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ V Precision Clinic สนับสนุนให้มีการเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ หรือการตรวจสุขภาพถือเป็นการประเมินร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีโรคร้ายตามมา การป้องกัน หรือการหาตัวช่วยเสริมให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงย่อมทำให้คุณห่างไกลจากโรคร้าย ที่ V Precision Clinic เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน ที่มีความรู้ความชํานาญ เพื่อดูแลสุขภาพของคุณเฉพาะบุคคล เข้ามาปรึกษาที่ V Precision Clinic ได้เลยค่ะ