เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

จัดการเบาหวานด้วยการปรับพฤติกรรม

จัดการเบาหวานด้วยการปรับพฤติกรรม

เบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ทำให้ระดับน้ำตาลสูงเกินไปในเลือด ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพหลายประการ เช่น โรคหัวใจ โรคไต และภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การจัดการเบาหวานไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเสมอไป การปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการจัดการเบาหวานผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก และการลดความเครียด ทั้งหมดนี้สามารถช่วยให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสมดุลและควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น

ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

  • เลือกอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ

คาร์โบไฮเดรตเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ควรเลือกอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น ข้าวกล้อง โฮลเกรน หรือคาร์โบไฮเดรตที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI) ซึ่งจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่มากขึ้น

  • เพิ่มปริมาณผักในอาหาร

ผักเป็นแหล่งอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและมีแคลอรีต่ำ การรับประทานผักช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรเลือกผักที่มีเส้นใยสูง เช่น บรอกโคลี ผักโขม หรือผักบุ้ง

  • จำกัดปริมาณน้ำตาลและของหวาน

การหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นและของหวานที่มีน้ำตาลสูงเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น หญ้าหวาน (Stevia) หรืออีริทริทอล (Erythritol) สามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับ

ออกกำลังกายเพื่อควบคุมเบาหวาน

การออกกำลังกายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลในเลือดมาใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น และยังช่วยเพิ่มความไวของอินซูลิน ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวานไม่จำเป็นต้องเป็นการออกกำลังกายที่หนัก ควรเลือกกิจกรรมที่ทำได้อย่างต่อเนื่องและไม่กดดันร่างกายมากเกินไป เช่น การเดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ หรือโยคะ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน หากยังไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรเริ่มต้นจากการทำกิจกรรมที่ไม่หนักมากและเพิ่มระดับความเข้มข้นไปทีละน้อย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

ควบคุมน้ำหนักตัว

การควบคุมน้ำหนักตัวเป็นสิ่งสำคัญมากในการจัดการเบาหวาน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเบาหวาน การลดน้ำหนักไม่เพียงแต่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ยังช่วยลดความดันโลหิตและปรับปรุงระดับไขมันในเลือดได้ด้วย การลดน้ำหนักควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ควรตั้งเป้าหมายลดน้ำหนักประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพมากกว่าการจำกัดปริมาณอาหาร

จัดการความเครียด

ความเครียดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียดจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งสามารถกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น การนั่งสมาธิและการหายใจลึก ๆ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความเครียด การทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรก ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย และการนอนหลับให้เพียงพอ มีส่วนสำคัญในการลดความเครียด ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน

ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

นอกจากการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น เช่น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน

ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากการตรวจสุขภาพช่วยให้ทราบถึงระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และสุขภาพโดยรวมของร่างกาย ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรับประทานอาหาร เพื่อให้ทราบว่าร่างกายตอบสนองต่ออาหารและกิจกรรมต่าง ๆ อย่างไร

การจัดการเบาหวานด้วยการปรับพฤติกรรมไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน หากคุณเข้าใจและตระหนักถึงพฤติกรรมที่ควรเปลี่ยนแปลง การปรับเปลี่ยนในชีวิตประจำวันเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายและเป็นไปได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก การจัดการความเครียด หรือการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ ทุกสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ