เลขที่อนุมัติ ฆสพ.สบส. 7542/2565

ปัญหาลำไส้แปรปรวนเกิดจากอะไร?

ปัญหาลำไส้แปรปรวนเกิดจากอะไร?

อาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกสลับกันไปมาโดยไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณของภาวะลำไส้แปรปรวน ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต แม้ว่าภาวะลำไส้แปรปรวน จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถสร้างความไม่สบายตัวและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม มาทำความเข้าใจกันว่าภาวะนี้เกิดจากอะไร และมีแนวทางการดูแลอย่างไร

สาเหตุของภาวะลำไส้แปรปรวน

1. ระบบประสาทลำไส้ทำงานผิดปกติ

ลำไส้ของมนุษย์มีระบบประสาทของตัวเอง เรียกว่า “ระบบประสาทลำไส้ (Enteric Nervous System: ENS)” ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ ในผู้ที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน ระบบนี้อาจทำงานผิดปกติ ทำให้ลำไส้บีบตัวเร็วหรือช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูก

แนวทางการดูแล

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้ลำไส้ทำงานหนัก เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ อาหารมัน
  • รับประทานอาหารที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานสมดุล เช่น ไฟเบอร์จากผักผลไม้

2. การทำงานผิดปกติของแกนลำไส้-สมอง

ลำไส้เชื่อมโยงกับสมองผ่าน “แกนลำไส้-สมอง (Gut-Brain Axis)” ซึ่งเป็นเครือข่ายเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณถึงกันโดยตรง หากร่างกายอยู่ในภาวะเครียด สมองจะกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน

แนวทางการดูแล

  • ลดระดับความเครียดด้วยการออกกำลังกาย ฝึกหายใจ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ระบบลำไส้และระบบประสาททำงานได้อย่างสมดุล

3. ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้

จุลินทรีย์ในลำไส้ หรือ “ไมโครไบโอม (Gut Microbiome)” มีบทบาทสำคัญต่อการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร และการควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน หากสมดุลของจุลินทรีย์เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ลำไส้ไวต่อการกระตุ้น และทำให้เกิดภาวะลำไส้แปรปรวนได้

แนวทางการดูแล

  • เพิ่มอาหารที่มี โปรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และมิโสะ
  • รับประทาน พรีไบโอติกส์ เช่น กล้วย กระเทียม หัวหอม เพื่อช่วยบำรุงจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้

4. การอักเสบในลำไส้ระดับต่ำ

ในบางกรณี ภาวะลำไส้แปรปรวนอาจเกี่ยวข้องกับการอักเสบระดับต่ำในลำไส้ ซึ่งไม่รุนแรงพอที่จะเป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้องและความผิดปกติของระบบขับถ่ายได้

แนวทางการดูแล

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ เช่น อาหารแปรรูป น้ำตาลสูง
  • รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด

5. การแพ้อาหารบางชนิด

อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดอาการ IBS โดยเฉพาะกลุ่มที่มี FODMAPs สูง (Fermentable Oligosaccharides, Disaccharides, Monosaccharides And Polyols) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายย่อยได้ยาก ทำให้เกิดแก๊สและอาการท้องอืด

แนวทางการดูแล

  • ลองลดอาหารกลุ่ม FODMAPs และสังเกตอาการของลำไส้
  • ปรึกษาแพทย์หากสงสัยว่ามีภาวะแพ้อาหาร

อาการของลำไส้แปรปรวนที่พบบ่อย

  • ปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ
  • ท้องอืด แน่นท้อง
  • ท้องเสียหรือท้องผูกสลับกัน
  • ถ่ายไม่สุด หรือรู้สึกว่าถ่ายไม่หมด
  • มีแก๊สในท้องมากกว่าปกติ

แนวทางรับมือกับภาวะลำไส้แปรปรวน

  1. ปรับพฤติกรรมการกิน รับประทานอาหารเป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรสจัด
  2. เพิ่มไฟเบอร์ให้เหมาะสม เช่น ข้าวโอ๊ต ผักใบเขียว
  3. จัดการความเครียด การทำสมาธิ การฝึกหายใจ และโยคะ
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยกระตุ้นระบบทางเดินอาหารให้ทำงานได้ปกติ
  5. นอนหลับให้เพียงพอ ตั้งเวลานอนให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าก่อนนอน

ภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS) อาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งระบบประสาทลำไส้ จุลินทรีย์ในลำไส้ ความเครียด และอาหาร แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ แนวทางที่ช่วยบรรเทาอาการของ IBS คือการปรับพฤติกรรมการกิน ควบคุมความเครียด และดูแลสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ หากอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เริ่มต้นดูแลสุขภาพลำไส้วันนี้ เพื่อระบบทางเดินอาหารที่ทำงานได้อย่างสมดุลและร่างกายที่แข็งแรงขึ้น