ใช้หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพสูง
การเลือกหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมเป็นวิธีการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในเบื้องต้น หน้ากากชนิด N95 และ KN95 ได้รับการออกแบบมาให้สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีมาก หน้ากากประเภทนี้มีโครงสร้างที่แน่นหนา ทำให้กรอง PM 2.5 ได้ถึง 95% ของฝุ่นละออง นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าหน้ากากแนบสนิทกับใบหน้าโดยไม่มีช่องว่าง เพราะการใส่หน้ากากที่ไม่กระชับจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองลดลง
นอกจากนี้ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ หน้ากาก N95 หรือ KN95 ที่ใช้เป็นเวลานานเกินไปจะมีประสิทธิภาพลดลง หากมีฝุ่นละอองเกาะแน่นอยู่แล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เนื่องจากหน้ากากที่อุดตันจะทำให้หายใจลำบากและลดการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้
ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ
เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดฝุ่น PM 2.5 ภายในอาคาร เนื่องจากแผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ซึ่งครอบคลุมขนาดของ PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการป้องกันตัวเองจากมลพิษภายในบ้านหรือที่ทำงาน
ตรวจสอบคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน
ในยุคดิจิทัลนี้มีแอปพลิเคชันหลายตัวที่ให้ข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เช่น AirVisual, AQICN และ แอปพลิเคชันของกรมควบคุมมลพิษ ที่สามารถช่วยให้เราติดตามค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ได้อย่างสะดวก การตรวจสอบค่าฝุ่นก่อนออกจากบ้านจะช่วยให้เราตัดสินใจว่าจะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือไม่ โดยเฉพาะในวันที่ค่าฝุ่นสูงมาก หากค่าฝุ่น PM 2.5 สูง ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านหากไม่จำเป็น หรือพยายามจัดกิจกรรมในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่นต่ำที่สุดในแต่ละวัน หากต้องออกนอกบ้านในช่วงที่ฝุ่นสูง ควรสวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพและเลือกเส้นทางที่มีมลพิษน้อยที่สุด
ปิดประตูหน้าต่างในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง
การปิดประตูและหน้าต่างในช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 สูง จะช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นเข้ามาในบ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งทำให้เราได้รับอากาศที่สะอาดมากขึ้น ควรปิดหน้าต่างในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น ช่วงเช้าและเย็น เพราะเป็นช่วงที่การจราจรหนาแน่นและมีฝุ่นละอองมากที่สุด
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด โดยเฉพาะผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอี จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดการอักเสบจากฝุ่น PM 2.5
- ออกกำลังกายช่วยเพิ่มการทำงานของระบบทางเดินหายใจและหัวใจ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง การเลือกออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น โรงยิม หรือใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการสูดดมมลพิษ
- ดื่มน้ำเพียงพอเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยร่างกายขับสารพิษออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยทำให้เสมหะไม่แห้ง ทำให้ฝุ่นละอองที่อาจติดอยู่ในทางเดินหายใจสามารถขับออกมาได้ง่ายขึ้น
การป้องกันตัวเองจากมลพิษ PM 2.5 เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะผลกระทบของมลพิษนี้อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเดินหายใจ โรคหัวใจ หรือการอักเสบต่าง ๆ ในร่างกาย การปฏิบัติตามวิธีการป้องกันต่าง ๆ ที่กล่าวมาในบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถลดความเสี่ยงในการเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA การรักษาความสะอาดภายในบ้าน ไปจนถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง