โรคตัวแข็งเกร็ง

โรคตัวแข็งเกร็ง

โรคตัวแข็งเกร็ง (stiff person syndrome) เป็นโรคหนึ่ง เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันวิปริตเกิดขึ้นได้ทั้งตัว รวมแขนขา และกระทบเสียงพูดได้ ซึ่งสามารถตรวจพบแอนติบอดีในน้ำเหลือง หรือ น้ำไขสันหลังได้ และบางรายอาจมีมะเร็งซ่อนอยู่ ภาวะภูมิคุ้มกันวิปริต ถ้าเป็นทั้งตัว ทุกอวัยวะจากหัวจดเท้า เช่นโรคพุ่มพวงหรือ SLE  แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นในระบบสมอง-ประสาทอาจออกมาในรูปของ

  • สมองอักเสบไม่รู้สึกตัว โคม่า ชัก หรือ ตาบอด จากประสาทตาอักเสบ
  • ไขสันหลังอักเสบหรือเส้นประสาทอักเสบเส้นเดียวหรือหลายเส้นทำให้แขนขาอ่อนแรงหายใจไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ และยังแสดงอาการออกมาในรูปของ
  • สมองเสื่อมที่เกิดขึ้นเร็วภายในเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน หรือมีอาการทางจิตประสาท จนถึงภาพหลอนพฤติกรรมผิดปกติ หรือ
  • ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง myasthenia gravis

ใครเสี่ยงเป็นโรคคนแข็ง (Stiff-person syndrome-SPS) บ้าง

จากการตรวจเลือดผู้ป่วยโรคคนแข็ง พบว่าจำนวน 60-80% ของผู้ป่วย พบอาการผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีต่อกรดอะมิโน และเอนไซม์ และของเหลวที่อยู่ในชั้นใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคคนแข็ง ยังมีอาการโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือภูมิเพี้ยนอื่นๆ เช่น เบาหวานแบบที่ 1 โรคด่างขาว หรือความผิดปกติของสีผิว ภาวะโลหิตจางเรื้อรังและรุนแรง เพราะขาดวิตามินบี 12 รวมไปถึงยังพบทั่วไปในกลุ่มโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งไทรอยด์ มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยจากสถิติพบว่าโรคคนแข็ง  เป็นโรคหายาก เพราะพบเฉลี่ยพบแค่ 1 ใน 1 ล้านคน

สัญญาณและอาการ

  • ผู้ป่วยที่มีอาการแข็งคน (SPS) ประสบความแข็งของพวกเขามีความก้าวหน้าในกล้ามเนื้อ truncal ,ซึ่งกลายเป็นเข้มงวด และแข็งเพราะเอว และกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนร่วมในการหดตัวต่อเนื่อง
  • ในขั้นต้นอาการตึงเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อพารากระดูกสันหลัง และช่องท้อง ต่อมามีผลต่อกล้ามเนื้อขา และผนังหน้าท้องส่วนใกล้เคียง
  • อาการตึงนำไปสู่การเปลี่ยนท่าทาง และผู้ป่วยจะมีการเดินที่แข็งกระด้างภาวะเอวสูงอย่างต่อเนื่องมักเกิดขึ้นในขณะที่ดำเนินไป 
  • ความตึงของกล้ามเนื้อในขั้นต้นจะผันผวนบางครั้งเป็นเวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ แต่ในที่สุดก็เริ่มทำให้การเคลื่อนไหวลดลงอย่างต่อเนื่อง
  • ในขณะที่โรคดำเนินไปบางครั้งผู้ป่วยไม่สามารถเดิน หรืองอได้  อาการปวดเรื้อรังเป็นเรื่องปกติ และจะแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
  • แต่บางครั้งอาการปวดเฉียบพลันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ความเครียดอากาศหนาวเย็น และการติดเชื้อทำให้อาการเพิ่มขึ้น และการนอนหลับจะลดลง
  • ผู้ป่วย SPS มีอาการกระตุกซ้อนทับ และมีความไวต่อการสัมผัส และเสียงมาก อาการกระตุกเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่แขนขา และกล้ามเนื้อตามแนวแกนใกล้เคียงกัน
  • โดยปกติการกระตุกจะคงอยู่เป็นนาที และอาจเกิดขึ้นอีกเป็นชั่วโมง อาการกระตุกเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และมักเกิดจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วความทุกข์ทางอารมณ์ หรือเสียง หรือสัมผัสอย่างกะทันหัน
  • ในบางกรณีกล้ามเนื้อใบหน้ามือเท้า และหน้าอกอาจได้รับผลกระทบและมีการเคลื่อนไหวของดวงตาที่ผิดปกติและอาการเวียนศีรษะ
  • มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการยืดกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว และการเกิด clonus ในผู้ป่วย
  • ในช่วงปลายของการดำเนินโรคอาจเกิดภาวะ hypnagogic myoclonus ได้
    บางครั้งก็มีอาการหัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตสูง เนื่องจากอาการกระตุกผู้ป่วยอาจมีความกลัวมากขึ้นต้องการความช่วยเหลือ และสูญเสียความสามารถในการทำงานซึ่งนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าวิตกกังวล และโรคกลัว
  • อาจมีสาเหตุจากโรคกลัวโรคกลัวน้ำ และโรคกลัวโดรโมโฟเบีย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีสภาพจิตใจปกติ และตอบสนองอย่างสมเหตุสมผลตามสถานการณ์ของตน
  • Paraneoplastic SPS มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อคอ และแขนมากกว่ารูปแบบอื่น

ดังนั้น เราควรสำรวจร่างกายของตัวเราเองอย่างเป็นประจำ ไม่ควรนิ่งนอนใจ อาจต้องลองตรวจสุขภาพ หากมีความกังวล หรือสงสัยในปัญหาสุขภาพสามามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ V Precision Clinic สนับสนุนให้มีการเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ หรือการตรวจสุขภาพถือเป็นการประเมินร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีโรคร้ายตามมา การป้องกัน หรือการหาตัวช่วยเสริมให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงย่อมทำให้คุณห่างไกลจากโรคร้าย ที่ V Precision Clinic เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน ที่มีความรู้ความชํานาญ เพื่อดูแลสุขภาพของคุณเฉพาะบุคคล เข้ามาปรึกษาที่ V Precision Clinic ได้เลยค่ะ

เอกสารอ้างอิง

https://www.tnnthailand.com/news/health/132910/

https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2573896

https://www.thansettakij.com/news/general-news/549671