คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือ จะส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้สมองเสื่อม เป็นมะเร็งสมองได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีนักวิจัยจากหลายประเทศทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลนี้ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีงานวิจัยจากประเทศอังกฤษออกมาเปิดเผยว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือก็มีผลต่อสมอง ในแง่ที่ทำให้สมองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามแบบ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ได้รวดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของสมองในแง่อื่น ๆ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอันตรายต่อสมอง
ทั้งนี้จริงอยู่ที่ว่า หากสิ่งมีชีวิตได้รับคลื่นรังสีในปริมาณมาก ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดอันตรายได้ แต่เนื่องจากความถี่ของคลื่นไมโครเวฟโทรศัพท์มือถือ กับเตาไมโครเวฟประกอบอาหารต่างกัน และกำลังส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็ต่ำมาก ส่วนสนามแม่เหล็กที่ส่งออกมาก็มีขนาดเล็กมาก เกินกว่าจะมีผลกระทบต่อเซลล์ในร่างกาย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องวิตกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะทำให้ภูมิคุ้มกันแย่ลง หรือส่งผลกระทบต่อสมอง และระบบประสาท
นักวิจัยยังไม่ฟันธงว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะส่งผลอันตรายต่อระบบสมอง หรือประสาท อย่างที่ใคร ๆ กลัวกัน มีแต่เพียงคำเตือนที่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสมองมากกว่าผู้ไม่ได้ใช้เท่านั้น และต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไปอีกในอนาคต
แต่ถ้าหากใครยังไม่แน่ใจ หรือเกรงว่าผลวิจัยในอนาคตจะออกมาตรงกันข้ามกับข้อมูล ณ วันนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เราก็ควรใช้โทรศัพท์มือถืออย่างระมัดระวังมากขึ้น
- เปลี่ยนไปใช้สมอลล์ทอล์ก หรือ บลูทูธ เพื่อหลีกเลี่ยงการถือโทรศัพท์แนบกับศีรษะ
- ไม่ควรคุยโทรศัพท์นานเกินไป โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ประมาณ 15 นาที
- ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ หากอยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณต่ำ เพราะจะทำให้โทรศัพท์ปล่อยคลื่นความถี่สูงกว่าปกติ
- อย่าให้เด็กเล็กใช้โทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด หากไม่จำเป็นจริง ๆ
ส่วนสาเหตุของมะเร็งสมอง ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่ามะเร็งสมองเกิดจากสาเหตุใด มีเพียงปัจจัยต่าง ๆ ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งสมองได้ เช่น
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
- พฤติกรรมการสูบบุหรี่มาเป็นเวลานาน
- มีประวัติการเกิดโรคมะเร็งสมองกับสมาชิกในครอบครัว
- เป็นโรคมะเร็งในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่สามารถแพร่กระจายมายังสมองได้ เช่นมะเร็งปอดมะเร็งเต้านม มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (Melanoma)
- การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV)
- การสัมผัสสารกัมมันตภาพรังสี สารเคมี รวมไปถึงยากำจัดศัตรูพืชที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
- การทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น พลาสติก ตะกั่ว ยาง น้ำมัน รวมถึงสิ่งทอบางชนิด
แม้วันนี้จะยังไม่มีความชัดเจนมากเพียงพอที่จะมีข้อสรุปใด ๆ แต่ในระหว่างที่มีข้อถกเถียงของนักวิจัยทั้งหลาย เกี่ยวกับข้อบกพร่องของงานวิจัยต่าง ๆ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินกว่างานวิจัยจะตามทัน การมีข้อมูลดังกล่าวก็ย่อมเป็นประโยขน์ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในวันนี้เพื่อตระหนักถึงความเสี่ยง โดยลดการใช้โทรศัพท์มือเป็นเวลานานอาจะนำพาอาการอื่นๆ ที่มาจากการใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน
ดังนั้น เราควรสำรวจร่างกายของตัวเราเองอย่างเป็นประจำ ไม่ควรนิ่งนอนใจ อาจจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ อาจต้องลองตรวจสุขภาพ เพื่อหาต้นเหตุของอาการและโรค หากมีความกังวล หรือสงสัยในปัญหาสุขภาพสามามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ V Precision Clinic สนับสนุนให้มีการเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ หรือการตรวจสุขภาพถือเป็นการประเมินร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีโรคร้ายตามมา การป้องกัน หรือการหาตัวช่วยเสริมให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงย่อมทำให้คุณห่างไกลจากโรคร้าย ที่ V Precision Clinic เรามีทีมแพทย์คอยแนะนำ ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมงาน ที่มีความรู้ความชํานาญ เพื่อดูแลสุขภาพของคุณเฉพาะบุคคล เข้ามาปรึกษาที่ V Precision Clinic ได้เลยค่ะ