การใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษเป็นเรื่องที่คนจำนวนมากต้องเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจและกระจายไปทั่วร่างกายผ่านกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย นอกจากความรู้สึกอึดอัดเมื่อสูดหายใจในวันที่อากาศไม่บริสุทธิ์แล้ว PM 2.5 ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวที่รุนแรงกว่าที่เราคิด ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราในระยะยาวอย่างไร และทำไมเราควรให้ความใส่ใจกับการป้องกันตัวเองจากมลพิษนี้มากขึ้น
ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
- โรคหอบหืดและหลอดลมอักเสบ PM 2.5 สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจส่วนต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือมีความไวต่อมลพิษในอากาศ นอกจากยังสามารถกระตุ้นให้เกิดหลอดลมอักเสบหรือทำให้อาการของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีอยู่แล้วแย่ลงได้อีกด้วย
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ผู้ที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 ในปริมาณสูงและเป็นระยะเวลานาน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD (Chronic Obstructive Pulmonary Disease) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้การหายใจลำบากเนื่องจากการอุดกั้นของหลอดลมและถุงลมในปอด โรคนี้อาจมีสาเหตุมาจากการสูดดมมลพิษต่อเนื่องเป็นเวลานานและทำให้ปอดเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้
- การสูญเสียประสิทธิภาพของปอด เมื่อปอดต้องรับภาระการกรองมลพิษอยู่เสมอ เซลล์และเนื้อเยื่อปอดอาจได้รับความเสียหาย ทำให้ความสามารถในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ของปอดลดลง นำไปสู่อาการเหนื่อยง่าย หายใจติดขัด
ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
- ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ การที่ฝุ่น PM 2.5 สามารถผ่านเข้าไปในกระแสเลือดได้ ทำให้มลพิษนี้กลายเป็นภัยร้ายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือภาวะหัวใจขาดเลือดได้
- หลอดเลือดสมองตีบและโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) PM 2.5 ที่เข้าไปในกระแสเลือดยังส่งผลให้เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือด เป็นสาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดสมองตีบตันหรือโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งเป็นอาการที่ส่งผลให้สมองขาดเลือดและออกซิเจน ทำให้เกิดอัมพาตหรือการสูญเสียความสามารถในการทำงานบางอย่างของสมองในระยะยาว
ผลกระทบของต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- การอักเสบเรื้อรังและภูมิคุ้มกันลดลง PM 5 สามารถกระตุ้นการอักเสบในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย เมื่อร่างกายเกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่องจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลง ส่งผลให้เรามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ และการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
- เสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้และโรคแพ้ภูมิตัวเอง การสัมผัส PM 5 ในระยะยาวอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายขึ้น เช่น โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases) เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรค SLE ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายรับมลพิษเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเกินขนาด
วิธีการป้องกันตัวเองจาก PM 2.5
- สวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพ ใช้หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ เช่น หน้ากาก N95 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ดี
- ติดตามค่าฝุ่นละออง ตรวจสอบค่าฝุ่นละอองในอากาศผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงค่าฝุ่นสูง ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นละอองสูง
- ใช้อุปกรณ์ฟอกอากาศ ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA เพื่อกรองฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้านหรือที่ทำงาน
- ดูแลสุขภาพร่างกาย การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักผลไม้สด การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
PM 2.5 เป็นมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างรุนแรงในหลายระบบของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหายใจ หัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน การเผชิญกับมลพิษนี้ในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ไม่อาจแก้ไขได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนั้นการป้องกันตัวเองจาก PM 2.5 จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม